บทความ
59 แนวทางลดต้นทุนในร้านกาแฟขนาดเล็กที่ทำได้ทันที
เมื่อ : 20 ธ.ค. 2567 ,
15 Views
การจัดการวัตถุดิบ
1.ตรวจสอบสต็อกวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ
2.สั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่เหมาะสมกับยอดขาย
3.เลือกซัพพลายเออร์หลายเจ้าเพื่อเปรียบเทียบราคา
4.ใช้วัตถุดิบร่วมกันในหลายเมนู เช่น นม หรือน้ำเชื่อม
5.ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
6.ลดการสต็อกสินค้าที่ขายช้าหรือไม่เป็นที่นิยม
7.ซื้อวัตถุดิบในช่วงโปรโมชั่นหรือราคาพิเศษ
8.เก็บรักษาวัตถุดิบในสภาพที่เหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งาน
9.ใช้สูตรที่ลดการสิ้นเปลือง เช่น ใช้กาแฟบดในปริมาณที่พอดีต่อแก้ว
10.ตรวจสอบวันหมดอายุของวัตถุดิบก่อนใช้งาน
การจัดการเมนู
11.ปรับเมนูให้เหมาะสมกับวัตถุดิบที่มี
12.ลดหรือถอดเมนูที่ไม่ทำกำไร
13.เพิ่มเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบน้อยแต่กำไรสูง
14.ใช้แก้วหรือภาชนะมาตรฐานเพื่อลดการใช้วัตถุดิบเกินขนาด
15.สร้างเมนูประหยัดที่เน้นความคุ้มค่า
16.ปรับปริมาณเสิร์ฟในบางเมนูให้เหมาะสม
การจัดการพลังงาน
17.ใช้หลอดไฟ LED เพื่อลดค่าไฟ
18.ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
19.ตั้งเวลาการทำงานของเครื่องชงกาแฟในช่วงเวลาที่มีลูกค้า
20.เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน
21.ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงอากาศเย็น
22.ติดตั้งฉนวนกันความร้อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายพลังงาน
การบริหารต้นทุนอุปกรณ์
23.บำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดค่าใช้จ่ายการซ่อม
24.ซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่
25.เลือกอุปกรณ์ที่มีความทนทานและใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์
26.เช่าอุปกรณ์บางอย่างแทนการซื้อ
27.ขายอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งาน
การบริหารจัดการร้าน
28.ลดขนาดทีมงานในช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย
29.ใช้ระบบบันทึกยอดขายเพื่อช่วยวางแผนการจัดการ
30.ใช้โปรแกรมบัญชีง่าย ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายจ้างนักบัญชี
31.วางแผนการทำงานของทีมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
32.ใช้บริการส่งวัตถุดิบร่วมกับร้านใกล้เคียงเพื่อลดค่าขนส่ง
การตกแต่งร้าน
33.DIY การตกแต่งร้านเอง
36.ใช้วัสดุรีไซเคิลตกแต่งร้าน
34.ลดการใช้วัสดุตกแต่งที่เปลี่ยนบ่อย
35.การตลาดต้นทุนต่ำ
36.โปรโมตร้านผ่านโซเชียลมีเดียฟรี
37..ทำโปรโมชั่นในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะ
38.ใช้รีวิวจากลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมต
39.ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
40.ใช้การตลาดแบบปากต่อปากด้วยบริการที่ประทับใจ
การบริหารค่าเช่า
41.ต่อรองค่าเช่าหากเป็นไปได้
42.เลือกทำเลที่ค่าเช่าคุ้มค่ากับจำนวนลูกค้า
43.ใช้พื้นที่ร้านอย่างคุ้มค่า เช่น มีสินค้าอื่นวางขาย
การลดขยะ
44.ใช้แก้วหรือภาชนะที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้
45.ให้ส่วนลดลูกค้าที่นำแก้วมาเอง
46.ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เกินความจำเป็น
การเพิ่มรายได้เสริม
47.ขายสินค้าควบคู่ เช่น เมล็ดกาแฟหรืออุปกรณ์กาแฟ
48.เปิดคลาสสอนชงกาแฟ
49.ทำบัตรสะสมแต้มเพื่อดึงดูดลูกค้าประจำ
50.เพิ่มบริการเดลิเวอรีในพื้นที่
การลดต้นทุนระยะยาว
51.ลงทุนในอุปกรณ์ที่ช่วยลดต้นทุนพลังงาน
52.ปรับปรุงการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
53.จัดกิจกรรมร่วมกับร้านอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย
54.แนวทางที่เกี่ยวกับลูกค้า
55.สำรวจความคิดเห็นลูกค้าเพื่อปรับเมนูให้เหมาะสม
56.เพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยการนำเสนอที่ดึงดูด
57.จัดโปรโมชันในช่วงเวลาขายช้า
แนวทางอื่น ๆ
58.ใช้ซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้และราคาเหมาะสม
59.วางแผนการเงินเพื่อรับมือกับช่วงยอดขายต่ำ
สร้างชุมชนคนรักกาแฟเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
ลองปรับใช้ตามความเหมาะสมกับร้านของคุณเพื่อประหยัดต้นทุนและสร้างโอกาสเติบโต
1.ตรวจสอบสต็อกวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ
2.สั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่เหมาะสมกับยอดขาย
3.เลือกซัพพลายเออร์หลายเจ้าเพื่อเปรียบเทียบราคา
4.ใช้วัตถุดิบร่วมกันในหลายเมนู เช่น นม หรือน้ำเชื่อม
5.ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
6.ลดการสต็อกสินค้าที่ขายช้าหรือไม่เป็นที่นิยม
7.ซื้อวัตถุดิบในช่วงโปรโมชั่นหรือราคาพิเศษ
8.เก็บรักษาวัตถุดิบในสภาพที่เหมาะสมเพื่อยืดอายุการใช้งาน
9.ใช้สูตรที่ลดการสิ้นเปลือง เช่น ใช้กาแฟบดในปริมาณที่พอดีต่อแก้ว
10.ตรวจสอบวันหมดอายุของวัตถุดิบก่อนใช้งาน
การจัดการเมนู
11.ปรับเมนูให้เหมาะสมกับวัตถุดิบที่มี
12.ลดหรือถอดเมนูที่ไม่ทำกำไร
13.เพิ่มเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบน้อยแต่กำไรสูง
14.ใช้แก้วหรือภาชนะมาตรฐานเพื่อลดการใช้วัตถุดิบเกินขนาด
15.สร้างเมนูประหยัดที่เน้นความคุ้มค่า
16.ปรับปริมาณเสิร์ฟในบางเมนูให้เหมาะสม
การจัดการพลังงาน
17.ใช้หลอดไฟ LED เพื่อลดค่าไฟ
18.ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
19.ตั้งเวลาการทำงานของเครื่องชงกาแฟในช่วงเวลาที่มีลูกค้า
20.เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน
21.ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงอากาศเย็น
22.ติดตั้งฉนวนกันความร้อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายพลังงาน
การบริหารต้นทุนอุปกรณ์
23.บำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดค่าใช้จ่ายการซ่อม
24.ซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่
25.เลือกอุปกรณ์ที่มีความทนทานและใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์
26.เช่าอุปกรณ์บางอย่างแทนการซื้อ
27.ขายอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งาน
การบริหารจัดการร้าน
28.ลดขนาดทีมงานในช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย
29.ใช้ระบบบันทึกยอดขายเพื่อช่วยวางแผนการจัดการ
30.ใช้โปรแกรมบัญชีง่าย ๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายจ้างนักบัญชี
31.วางแผนการทำงานของทีมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
32.ใช้บริการส่งวัตถุดิบร่วมกับร้านใกล้เคียงเพื่อลดค่าขนส่ง
การตกแต่งร้าน
33.DIY การตกแต่งร้านเอง
36.ใช้วัสดุรีไซเคิลตกแต่งร้าน
34.ลดการใช้วัสดุตกแต่งที่เปลี่ยนบ่อย
35.การตลาดต้นทุนต่ำ
36.โปรโมตร้านผ่านโซเชียลมีเดียฟรี
37..ทำโปรโมชั่นในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะ
38.ใช้รีวิวจากลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมต
39.ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
40.ใช้การตลาดแบบปากต่อปากด้วยบริการที่ประทับใจ
การบริหารค่าเช่า
41.ต่อรองค่าเช่าหากเป็นไปได้
42.เลือกทำเลที่ค่าเช่าคุ้มค่ากับจำนวนลูกค้า
43.ใช้พื้นที่ร้านอย่างคุ้มค่า เช่น มีสินค้าอื่นวางขาย
การลดขยะ
44.ใช้แก้วหรือภาชนะที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้
45.ให้ส่วนลดลูกค้าที่นำแก้วมาเอง
46.ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เกินความจำเป็น
การเพิ่มรายได้เสริม
47.ขายสินค้าควบคู่ เช่น เมล็ดกาแฟหรืออุปกรณ์กาแฟ
48.เปิดคลาสสอนชงกาแฟ
49.ทำบัตรสะสมแต้มเพื่อดึงดูดลูกค้าประจำ
50.เพิ่มบริการเดลิเวอรีในพื้นที่
การลดต้นทุนระยะยาว
51.ลงทุนในอุปกรณ์ที่ช่วยลดต้นทุนพลังงาน
52.ปรับปรุงการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
53.จัดกิจกรรมร่วมกับร้านอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย
54.แนวทางที่เกี่ยวกับลูกค้า
55.สำรวจความคิดเห็นลูกค้าเพื่อปรับเมนูให้เหมาะสม
56.เพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยการนำเสนอที่ดึงดูด
57.จัดโปรโมชันในช่วงเวลาขายช้า
แนวทางอื่น ๆ
58.ใช้ซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้และราคาเหมาะสม
59.วางแผนการเงินเพื่อรับมือกับช่วงยอดขายต่ำ
สร้างชุมชนคนรักกาแฟเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
ลองปรับใช้ตามความเหมาะสมกับร้านของคุณเพื่อประหยัดต้นทุนและสร้างโอกาสเติบโต